จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การตรวจคัดกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ในสตรีตั้งครรภ์ (Screening Down’s syndrome)

กลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome)  คืออะไร

กลุ่ม อาการดาวน์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ มองโกลิซึ่ม ( Mongolism ) “ เป็นกลุ่มอาการของทารกที่เกิดมากับความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด อาการที่เห็นและรู้จักกันดีสำหรับคนทั่วไป คือ มีระดับสติปัญญาต่ำ  และช้ากว่าคนปกติทั่วไป 

นอกจากนี้ก็จะพบว่า เจริญเติบโตช้า  ความเคลื่อนไหวช้า  ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน้อย  อาจมีโรคบางอย่างแต่กำเนิดร่วมด้วย เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว  หน้าตาของเด็กเหล่านี้ค่อนข้างจะคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด คือ  ปากหนา  คางเล็ก  ลิ้นคับปาก  จมูกแบน  หัวค่อนข้างหลิม เป็นความผิดปกติที่โครโมโซมคู่ที่  13, 18, 21 หรือ 22

เนื่อง จากมีการเจริญเติบโตช้า ไม่แข็งแรง  อวัยวะผิดปกติแต่กำเนิด  และสติปัญญาต่ำ  จึงทำให้พ่อแม่และผู้เกี่ยวข้องต้องมีภาระดูแลตั้งแต่เด็กจนโต  ความยากลำบาก  แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการของเด็กคนนั้น

สาเหตุกลุ่มอาการดาวน์  คืออะไร  เกิดได้มากแค่ไหน

เรา ไม่ทราบสาเหตุ  แต่เป็นความผิดปกติของการแบ่งโครโมโซมระหว่างมีการแบ่งตัวของเซลล์ตั้งแต่ เป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์มารดา  อุบัติการณ์จะเป็นมากในแม่ที่ตั้งครรภ์อายุมาก ( จากพ่ออายุมากก็เป็นได้  แต่อิทธิพลน้อยกว่า ) 

กล่าวคือ  ถ้าอายุแม่ที่ตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 30 ปี  จะมีโอกาสลูกเป็นดาวน์ 1 – 3 ต่อ 1,000 คน แต่ถ้าอายุ 35 – 40 ปี มีโอกาสลูกเป็นดาวน์ 1 – 2  ต่อ 100 คน  ถ้าอายุ 45 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิด  3 – 5 ต่อ 100 คน ดูตัวเลขแล้ว  บางคนบอกว่าโอกาสน้อย  แต่ลองคิดดูว่าถ้ามีการเกิดปีละ 100,000 คน จะมีโอกาสได้ลูกดาวน์เท่าไร  ซึ่งเมื่อเกิดออกมาแล้ว  ต้องมีภาระเลี้ยงดูตลอดชีวิต

จะป้องกันกลุ่มอาการดาวน์ได้อย่างไร

ไม่สามารถ ป้องกันได้  เพราะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ( นอกจากกรณีทำเด็กหลอดแก้ว  เราตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนใส่ในโพรงมดลูก แต่ก็ไม่ได้ป้องกันได้ 100 % และค่าใช้จ่ายแพงมาก ) จึงมีการหาวิธีให้รู้ก่อนที่ทารกจะเกิดจะได้สามารถพิจารณายุติการตั้งครรภ์ ได้ก่อนที่ทารกจะเกิดมา ( ในกรณีที่พ่อ - แม่ไม่ประสงค์จะได้ )

วิธี ที่ชาวบ้านคุ้นเคยกันในปัจจุบัน คือการเจาะน้ำคร่ำในครรภ์ช่วงอายุครรภ์ 16 – 18 สัปดาห์ ดูดน้ำคร่ำที่มีเซลล์ของทารกไปตรวจดูว่ามีโครโมโซมผิดปกติหรือไม่  วิธีนี้เป็นวิธีที่วินิจฉัยว่าทารกเป็นโรคหรือไม่  ให้ความแม่นยำสูงมากเกือบ 100 % 

แต่ว่ามีข้อเสียและข้อ จำกัด คือ การเจาะเข้าไปมีโอกาสทำให้เกิดการแท้งได้ ( น้อยกว่า 0.5 % ) และถ้าเจาะกันทุกคนจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประกอบกับ ไม่มีแพทย์และบุคลากรตรวจโครโมโซมมากพอที่จะให้บริการ ( สรุปคือ  ไม่คุ้มค่าและทำไม่ได้ )  จึงจำกัดการทำวิธีนี้แต่เพียงในแม่ตั้งครรภ์อายุ 35 ปีขึ้นไป  ซึ่งมีความเสี่ยงเด็กเป็นดาวน์สูงคุ้มค่าการทำเท่านั้น 

แต่ ในความเป็นจริงเด็กที่เกิดมา  มีอาการดาวน์ 100 คน มีเพียง 20 – 30 คนเท่านั้นที่มีแม่อายุ 35 ปีขึ้นไป เพราะว่าสตรีตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 35 ปี  มีจำนวนมากกว่าสตรีตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี  มากหลายสิบเท่า 

ดัง นั้นการทำวิธีเจาะน้ำคร่ำจึงตรวจพบเด็กดาวน์ได้เพียง 20 – 30 % ของทั้งหมด  จึงมีคนคิดหาวิธีการตรวจคัดกรองเพื่อเลือกคนที่มีความเสี่ยงสูงมาเจาะน้ำ คร่ำ

การตรวจคัดกรองหมายความว่าอย่างไร
การตรวจคัด กรองไม่ได้เป็นการวินิจฉัย  แต่เป็นการบอกว่ามีโอกาสเกิดเด็กดาวน์มากหรือน้อยเท่าไร  เท่านั้น  ถ้าใครมีผลคัดกรองว่าลูกในท้องมีโอกาสเป็นดาวน์มาก  ก็แนะนำให้ไปตรวจเพื่อวินิจฉัยต่อไปว่าเป็นจริงหรือเปล่า

การตรวจคัดกรองในสมัยนี้  มีวิธีไหนบ้าง   ในปัจจุบันมี  2  วิธีที่นิยมทำ

1. การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์
2. การตรวจสารเคมีในเลือดแม่ขณะตั้งครรภ์

--  ในช่วง  3  เดือนแรก  นิยมทำผสมผสานทั้ง 2 วิธีคือ  ทำอัลตราซาวนด์ตรวจดูความหนาของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณท้ายท้อยของทารก ( Nuchal translucency ) ขณะอายุครรภ์  11 – 13 สัปดาห์ และตรวจสารชีวเคมี Free beta hCG  +  PAPP - A วิธีนี้ได้  detect rate 90 %  และ  screen  positive rate  5 % ( ตรวจ 100 คน มีโอกาสผลบวก 5 % )

--  ช่วงไตรมาสที่สอง  นิยมทำการตรวจสารชีวเคมีในเลือดแม่  คือ Triple screening Test  ( AFP + hCG + uE3 )  ที่ 16 – 18 สัปดาห์ ได้  detect rate 60 %  และ  screen  positive rate  5 – 10% ( ประมาณ 5 – 10 % ของคนที่ทำ Triple screen  จะได้ค่าบวก ) และเมื่อนำคนจำนวนนี้ไปเจาะน้ำคร่ำจะได้ความความผิดปกติของโครโมโซม 3 – 5 % 

เมื่อ screening test  ได้ค่าเป็นบวกก็จะแนะนำให้ทำการตรวจ เพื่อวินิจฉัยที่แน่นอนด้วยการเจาะน้ำ คร่ำต่อไป ในไตรมาสที่สอง ( 16 – 20 สัปดาห์ )

หมายเหตุ : ค่าเป็นบวก คือ ความเสี่ยงมากกว่า  1 : 200 
              ค่าเป็นลบ  คือ ความเสี่ยงน้อยกว่า  1 : 200  

การ แปลผลการตรวจ Triple test  นั้น  ผลจะรายงานเป็นความเสี่ยง (risk) เช่น สตรีตั้งครรภ์ อายุ 30 ปี มีโอกาสมีบุตรเป็นกลุ่มอาการดาวน์โดยอายุเท่ากับ  1 : 680  ผลการตรวจรายงานว่า อัตราเสี่ยงเท่ากับ  1 : 1,230 หมายความว่า ความเสี่ยงลดน้อยกว่าที่ควรจะเป็นตามอายุ คือ  เท่ากับคนอายุ 20 ปี 

แต่ ถ้าความเสี่ยงรายงานผลเท่ากับ  1 : 78  หมายความว่าสตรีรายนี้ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะมีบุตรเป็นกลุ่มอาการดาวน์  โดยทั่วไปจะแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำตรวจโครโมโซมทารก  หากอัตราเสี่ยงเท่ากับ 1 : 200  ขึ้นไป  เนื่องจากเท่ากับอัตราการแท้งจากการทำหัตถการ ( เจาะน้ำคร่ำ ) 

ส่วนสตรีที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น จากความเสี่ยงเดิมแต่ไม่ถึง 1 : 200  การตัดสินใจการดูแลรักษาจะขึ้นกับการตัดสินใจของคู่สมรส โดยมีแพทย์เป็นผู้ให้ข้อมูล

มีการคำนวณกันว่าการทำ screen test  โดยวิธีนี้ในคนตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 35 ปี จะช่วยวินิจฉัยเด็กดาวน์ก่อนคลอดได้อีกประมาณ  60 %  เพิ่มเติมจาก  20 – 30 %  จากการเจาะน้ำคร่ำอย่างเดียวในหญิงตั้งครรภ์อายุ  35 ปี ขึ้นไป

 ขอบคุณข้อมูลจาก
พล.ต.รศ.นพ.ธีรศักดิ์  ธำรงธีระกุล  และทีมแพทย์ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น