จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ท้องกินน้ำมันปลาได้หรือไม่


ท้องกินน้ำมันปลาได้หรือไม่
น้ำมันปลาคืออะไร
น้ำมันปลา หรือ Fish oil หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเหมือนกับน้ำมันตับปลา แต่ความจริงเป็นไขมันของปลาซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จําเป็นต่อร่างกาย คือ กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 (Omega-3) ซึ่งปลาทะเลในประเทศแถบอากาศหนาวนั้นจะมีกรดไขมันจําเป็นในปริมาณที่สูง และมีไขมันประเภทคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในปริมาณที่ต่ำ จึงนิยมนําปลาทะเลเหล่านี้มาสกัดเอาน้ำมันปลา
มีประโยชน์กับแม่ท้องอย่างไร
ไขมันในน้ำมันปลาจะช่วยสร้างองค์ประกอบที่สําคัญของเซลล์หรือเนื้อเยื่อของ ร่างกาย รวมทั้งเนื้อสมอง เม็ดเลือดชนิดต่างๆ ควบคุมการเกิดลิ่มเลือด และสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย โดยเฉพาะโอเมก้า 3 จะช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดที่จะไปอุดเส้นเลือดฝอยของหัวใจ และทําให้ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นไขมันอันตรายลดต่ำลงการกินน้ำมันปลาอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดอาการอักเสบของข้อกระดูกของแม่ท้องได้ ทั้งนี้แม่ท้องควรเริ่มทานน้ำมันปลาตั้งแต่อายุครรภ์ 7 สัปดาห์ โดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถึงแม้โอเมเก้า 3 จะเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ แต่หากคุณแม่ท้องกินน้ำมันปลาชนิดเม็ดหรือแคปซูลมากเกินไป ก็จะเกิดการสะสมในร่างกายตามอวัยวะต่างๆ จนอาจจะก่ออันตรายได้ และหากบริโภคเกินความต้องการอาจก่อให้เกิดความพิการต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ คุณแม่ท้องควรหยุดกินน้ำมันปลาเมื่อตั้งครรภ์ 6-7 เดือน เพราะจะทําให้เกล็ดเลือดจับตัวกันลดลง ซึ่งแม้เป็นผลดีที่ช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด แต่อาจทําให้เลือดแข็งตัวช้าเมื่อเกิดบาดแผลหรือผ่าตัดดังนั้น คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการกินน้ำมัน ปลาในรูปของยาเม็ดหรือแคปซูล และหันมากินน้ำมันปลาจากการเลือกบริโภคอาหารแทน เพราะในอาหารจะมีความสมดุลของกรดไขมันต่างๆ อย่างพอเหมาะ และราคาถูกกว่าด้วย
พบในอาหารชนิดใด
กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำมันปลานั้น มีอยู่ในปลาชนิดต่างๆ ซึ่งปลาซาร์ดีนจะมีโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง รวมถึงปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากะพงแดง และยังพบได้ในกุ้งและปูทะเลด้วยนอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังมีอยู่ในธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วอัลมอลต์ เมล็ดฟักทอง เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก baby2talk.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น